เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปประมาณ 23 ปีก่อน ตอนนั้นผมเกิดมีปัญหากับที่บ้าน ทำให้ตัวเองอยู่ที่บ้านไม่ได้ ก็เลยต้องมาอยู่กับปู่กับย่า แถวๆ จ.ปทุมธานีผมมาอยู่ที่นี่แรกๆ ก็ไม่มีเพื่อน ไม่รู้จักใคร เลยคิดว่าน่าจะไปหางานทำดีกว่า และก็ได้ทำงานในโรงงานแห่งนึง ทำอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน ก็มีพี่หัวหน้าแผนกคนนึงชื่อว่า “พี่ฝน”เท่าที่ผมสังเกตูพี่ฝนแกจะเป็นคนเงียบๆ สีหน้าดูเศร้าๆ อยู่ตลอดเวลา ผมจึงถามพี่ๆ ในแผนกว่า “พี่ฝนเขาไม่ค่อยพูดเลยเนาะ ดูซึมๆ”พี่ในแผนกก็ตอบว่า “แต่ก่อนพี่เขาไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก เขาเป็นคนร่าเริง เพิ่งจะมีเดือน 2 เดือนนี้แหละ ที่ดูซึมๆ ไป”หลังจากนั้นพี่ฝนก็หายไป 2-3 วัน ไม่ได้มาทำงาน จนวันนึงมีญาติของพี่ฝนที่ทำงานอยู่ในแผนกเดียวกันมาบอกว่า พี่ฝนตายแล้วนะ..ด้วยสาเหตุคือ ผูกคอตาย..!!พวกเราทุกคนในแผนกจึงพร้อมใจไปร่วมงานศพพี่ฝนกันในคืนแรกด้วยความที่ผมไม่ค่อยรู้จักใคร เลยไปอยู่บริเวณหลังครัว อยู่ช่วยตรงถังน้ำแข็ง ในขณะที่ตรงบริเวณศาลาก็จะมีจัดพิธีศพ มีคนอยู่ทั้งในและนอกศาลา และก็มีพระมาสวดตามปกติ พอพระสวดเสร็จ จะมีพักเบรคกินอาหารกัน ซักพักผมก็ได้ยินเสียงวี๊ดว๊าย..!! ดังมาจากในศาลา เลยวิ่งออกไปดู แต่ว่าตอนนั้นคนที่นั่งอยู่ด้านนอกศาลาหายไปหมดแล้วนะ ต่างเข้าไปหลบอยู่ในศาลากันหมดเลย แล้วก็มีคนไปถามคนในศาลาว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่นั่งกินเข้าวกันอยู่นั้น อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง อุแว๊ๆ ดังมาก เสียงดังมาจากด้านหลังศาลา คนที่อยู่ตรงนั้นก็ถามกันว่า “ลูกใคร หรือว่าใครเอาเด็กมา” แล้วก็ช่วยกันเดินตามหา ระหว่างที่หาเด็กกันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ เป็นเสียงแบบสะอื้นๆ มาก กระทั่งมีน้าคนนึงพูดขึ้นมาว่า “เสียงไอ้ฝนแน่ๆ..!!”ทีนี้คนที่อยู่ข้างนอกศาลาก็กระโจนขึ้นมาบนศาลากันหมด แล้วหลวงพ่อก็พูดขึ้นมาว่า “ไอ้ฝน เล่นแรงไปหรือเปล่า มีคนเฒ่าคนแก่อยู่นะ เดี๋ยวเขาจะตกใจช็อคเอานะ..”สรุปว่าคืนนั้นก็ผ่านไป เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปทำงาน คนที่ทำงานก็คุยกันแต่เรื่องนี้ตกคืนวันที่ 2 คนที่ทำงานก็ไปร่วมงานศพกันเยอะมาก ด้วยความที่อยากรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันจริงหรือเปล่า บรรยากาศในงานก็เหมือนเมื่อวาน ขณะพระกำลังเดินมาที่ศาลา แต่ยังไม่ทันได้สวด ผมก็ได้ยินเสียงแม่ของพี่ฝนโวยวายขึ้นมา เพราะปรากฎในงานเกิดมีผู้ชายที่ไหนไม่รู้เดินเข้ามา แล้วเค้าก็ยกมือไหว้ แม่พี่ฝนพร้อมพูดว่า “แม่ผมมาขอขมา เดี๋ยวผมขอเข้าไปกราบฝนก่อนนะครับ..”ตอนนั้นนอกจากแม่พี่ฝน ก็ไม่มีใครรู้ว่าผู้ชายคนนี้คือใคร เค้าก็เดินไปเคารพศพ แต่ระหว่างที่กำลังจะจุดเทียน อยู่ๆ ไฟในศาลาก็ดับ พรึ่บบบ…แต่ยังพอมีแสงเทียนอยู่ แล้วคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็เห็นเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างกระโจนใส่ไปที่ป้ายรูปของพี่ฝน จนรูปกระเด็นลงมาแตก ซึ่งมันตรงกับหัวของผู้ชายคนนั้นพอดี จนเลือดอาบ..!!ที่มันแปลกคือ ระยะห่างระหว่างรูปกับผู้ชายคนนั้นมันก็ไกลกันมาก ไม่น่าจะกระเด็นไปถึง ผู้ชายคนนั้นก็ถอยหลังเดินออกมาพร้อมกับพูดว่า “ฝน พี่กลัวแล้ว..ๆๆ”แล้วรีบถอยออกไปข้างนอกศาลา จากนั้นผู้ชายปริศนาคนนี้ก็เข้าไปกราบแม่และพ่อของพี่ฝน ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมพี่ฝนถึงผูกคอตาย..สุดท้ายความจริงก็มาเฉลยเพราะก่อนที่พี่ฝนจะผูกคอตายนั้น ย้อนกลับไป 2 เดือน ผู้ชายคนนี้ได้มาหาพี่ฝนอยู่บ่อยๆ จนได้เสียกันอยู่ที่บ้าน ผู้ชายคนนี้ไปๆ มาๆ คนในบ้านรู้ แต่คนข้างนอกไม่รู้ คนที่ทำงานคิดว่าพี่ฝนก็อายุ 30 กว่าแล้ว จะมีแฟนบ้างก็คงเป็นเรื่องธรรมดาจนผู้ชายคนนั้นเค้าหายไปประมาณเดือนนึง แม่พี่ฝนก็พูดกับพี่ฝนว่า “เห้ย อยู่ๆ มันหายไปไหน เอ็งจะเอายังไง พวกญาติพี่น้องเขาว่ากันแล้วเนี่ย ไม่ใช่อยู่ๆ จะมาแล้วก็หายไป ทำไมไม่ไปหาแฟน และตกลงกันให้เรียบร้อยว่าจะเอายังไง”แล้วแม่ก็ด่าพี่ฝน ซึ่งตอนแรกแม่ก็คิดว่าสาเหตุที่พี่ฝนผูกคอตายก็เพราะว่าแม่ไปด่าพี่ฝนมากเกินไป หลังจากนั้นพี่ฝนก็หยุดงานไป 2 วัน เพราะพี่ฝนไปตามหาผู้ชายคนนี้ หาจนไปเจอว่าเค้ามีเมียอยู่แล้ว แถมยังมีลูกอีก 2 คนด้วย..!! พี่ฝนที่รู้ตัวว่าโดนหลอกเข้าให้แล้ว ก็บอกกับผู้ชายไปว่าตอนนี้ท้องได้ 4 เดือนแล้วนะ จะเอายังไง ?ตอนนั้นพ่อแม่ของพี่ฝนก็ไม่รู้ว่าพี่ฝนท้อง มีแค่ผู้ชายคนนี้คนเดียวที่รู้ ผู้ชายก็ตอบพี่ฝนไปว่า “พี่มีครอบครัวแล้ว พี่จะทำยังไงได้” แล้วเค้าก็ให้พี่ฝนไปเอาเด็กออก พี่ฝนจึงกลับบ้านไปแล้วมาผูกคอตาย..และที่ผู้ชายคนนี้มาสารภาพที่งานศพ ก็เพราะว่าตลอดเวลา 2 วันที่พี่ฝนตายไป พี่ฝนไปหาเขาตลอด ตอนนอนเวลาหันหน้าไปหาเมียก็จะเห็นเป็นหน้าพี่ฝนแทน แถมยังทำตาดุใส่ แต่ไม่พูดอะไร..!!พอหลับตาก็มีแต่ภาพของพี่ฝนในหัว ทั้งยามตื่นและในฝัน เป็นอยู่แบบนี้ตลอดทั้งคืน ทำให้นอนแทบไม่ได้เลย กระทั่งวันนึงพี่ฝนมาเข้าฝันบอกว่า “ให้ไปกราบขอขมาพ่อแม่เขา แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะพี่ฝนไม่มีโอกาสได้เล่า”ผู้ชายคนนั้นด้วยความกลัวก็เลยไป พอไปเล่าให้ที่บ้านพี่ฝนฟังเสร็จที่งาน ญาติพี่น้องพี่ฝนก็เข้ามารุมกระทืบผู้ชายคนนี้กันยกใหญ่หลังจากโดนไปพอสมควร หลวงพ่อก็เข้ามาห้าม และพูดว่า “อย่าเลย เดี๋ยวจะเป็นคดีความกันซะเปล่าๆ”ฝ่ายญาติๆ ก็เลยไล่ผู้ชายคนนี้ให้กลับไป แต่ว่าตอนที่เขาขับรถมอเตอไซต์ออกไปจากวัด ดันโดนรถชนจนกระเด็น ขาดใจตายคาที่ตรงหน้าวัดพอดี..!!ที่มันน่าขนหัวลุกก็คือ คนขับรถที่ชนผู้ชายคนนั้นเค้าเล่าให้ฟังว่า เห็นเป็นผู้หญิงคนนึงใส่ผ้าถุง เดินตัดหน้ารถกระทันหันซึ่งลักษณะเหมือนพี่ฝนที่แกชอบนุ่งผ้าถุง ตอนผูกคอตายก็ใส่ผ้าถุงเหมือนกัน..!!คนขับรถเลยหักหลบ และพอดีไม่เห็นรถมอเตอไซต์ของผู้ชายคนนั้นที่พุ่งออกมาจากวัดพอดี ก็เลยชนไปเต็มๆทีนี้หลวงพ่อก็บอกว่า ไม่มีใครรู้เลยเหรอว่าฝนท้องอ่ะ หลวงพ่อบอกอีกว่า จะเผาพร้อมกันไม่ได้ ต้องทำพิธีแยกศพลูกออกจากแม่ก่อน เพราะเป็นศพที่ตายทั้งกลม ต้องเอาศพเด็กไปฝังและเอาศพแม่ไปเผาจึงจะถูก พรุ่งนี้ให้สัปเหร่อมาทำซะนะ พออีกวันสัปเหร่อก็มาทำพิธี พอวันเปิดฝาโลงก็พบสิ่งแปลกประหลาดอีก คือมัดตราสังข์ที่มัดมือมัดเท้าของพี่ฝนไว้นั้น ปรากฎกลับคลายออกหมดเลย แถมตาพี่ฝนก็เปิดโพลง เหมือนแกไปไม่สงบ..!!พอสัปเหร่อเห็นก็รีบทำพิธีแยกศพลูกออกจากแม่เรียบร้อย แล้ว จึงทำพิธีศพของพี่ฝนจนเสร็จหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมก็แทบจะลืมเรื่องพี่ฝนไปแล้วเวลาผ่านไปประมาณ 2-3 เดือน ผมได้มีโอกาสไปดูหนังกลางแปลงกับแฟน พอหนังเลิกประมาณตี 1 กว่าๆ ผมก็ต้องขี่รถมอเตอไซต์ไปส่งแฟนที่บ้านก่อน แล้วถึงจะขี่กลับบ้านตัวเอง จู่ๆ ระหว่างทาง โซ่รถดันมาขาดกลางทาง ซึ่งระยะทางจากตรงนั้นถึงบ้านก็อีกประมาณ 10 กิโล ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไงก็เลยเข็นรถมาเรื่อยๆเนื่องจากผมเพิ่งจะมาอยู่แถวนี้ได้ไม่นานเท่าไร ก็ยังไม่ค่อยรู้เส้นทางมากนัก แต่ก็พอที่จะรู้ว่าถ้าเดินลัดคันนาไป จะทะลุออกถนนเส้นหน้าบ้านผมได้พอดี ระยะทางที่ตัดคันนาประมาณ 2 กิโลเท่านั้น ยังดีกว่าที่จะต้องเดินอ้อมไปตรงถนนใหญ่ ผมเลยเอารถหมกไว้ตรงข้างทาง กะว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเอา แล้วก็เดินตัวเปล่าลัดเข้าไปตามคันนา คืนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย ระหว่างทางผมหาไม้ตีๆ ไปตามทางระหว่างลุยหญ้าเพื่อกันงูไปด้วย เดินไปอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ เสียงแว่วลอยมาตามลมสารภาพว่าผมไม่ได้คิดถึงเรื่องผีเลย คิดแค่ว่าเสียงเด็กที่ไหนกัน หรือใครเอาเด็กมาทิ้งไว้รึเปล่าระหว่างนั้นก็กวาดสายตามองไปเรื่อยๆ และพยายามมองข้างๆ ทางไปด้วย จนเดินมาถึงจุดๆ นึง ซึ่งตรงนั้นมีต้นไม้ต้นนึงอยู่ห่างจากผมแค่ประมาณ 10 เมตร เท่านั้นทีนี้ผมกลับได้ยินเสียงคล้ายผู้หญิงร้อง เป็นเสียงเหมือนเค้ากำลังกล่อมเด็กอยู่เท่านั้นแหละ..!! ผมรู้ตัวแล้วว่าไม่ใช่คนแน่ๆ และที่สำคัญคือเพิ่งนึกออกว่าตรงจุดนั้น มันคือจุดที่พี่ฝนเค้ามาผูกคอตายใต้ต้นไม้ตรงคันนานั้นพอดี ห่างจากบ้านของพี่เค้าไม่ไกล..!!ยอมรับเลยครับว่าผมขาแข้งอ่อนไปหมด ไม่มีแรงที่จะวิ่ง และหางตาซ้ายเจ้ากรรมก็เหลือบมองไปที่ต้นไม้แบบไม่ตั้งใจปรากฎเห็นเป็นขาของคนพร้อมปลายผ้าถุง ห้อยลงมาจากต้นไม้..!!คงไม่ใช่ใครอื่น พี่ฝนแน่นอน..!! ผมจึงพูดขึ้นมาว่า “พี่ฝน ผมไม่ได้อะไรกับพี่เลยนะ อย่ามาหลอกผมเลย ผมจะช็อคอยู่แล้ว เดี๋ยวผมจะทำบุญไปให้..”จากนั้นผมก็ค่อยๆ แข็งใจเดินต่อไป ในขณะที่เสียงกล่อมลูกของพี่ฝนก็ยังไม่เงียบลง ด้วยความกลัวผมก็เลยเอามืออุดหู สองขาก็รีบจ้ำพรวดๆ จนถึงถนนหน้าบ้านพอกลับถึงบ้าน ผมถึงกับจับไข้หัวโก๋นอยู่ 4-5 วัน เลยครับ แถม 4-5 วันนี้ ทั้งเสียงกล่อมลูก เสียงเด็กร้อง ก็ยังวนเวียนอยู่ในสองหูผม พอหลับตาก็ยังเห็นภาพที่พี่ฝนห้อยขาลงมาจากต้นไม้อีก..!!จนที่บ้านต้องพาผมไปรดน้ำมนต์อยู่หลายวันถึงอาการดีขึ้น พอหายจากไข้ได้ผมก็ไปทำบุญให้พี่ฝน…โถไม่น่ามาหลอกกันเลยครับ….ผีหลอกแต่เราไม่หลอก
Cr : สยองขวัญวาไรตี้