พี่ชินเป็นช่างภาพของนิตยสารสารคดีท่องเที่ยวดังแห่งหนึ่งในสมัยที่ยังนิยมอ่านนิตยสารอยู่เพราะตอนนั้นยังไม่มีไอแพดหรือสมาร์ทโฟนเหมือนปัจจุบัน ตอนนั้นพี่ชินเป็นช่างภาพอันดับต้นๆของประเทศไทยเลยต้องออกเดินทางบ่อยแต่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะยังโสดอยู่
พี่ชินเล่าให้ฟังว่าครั้งนั้นได้รับมอบหมายให้เข้าไปถ่ายรูปป่าแห่งหนึ่งเพื่อนำมาลงนิตยสารเพราะที่นั่นกำลังจะเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเดินป่า พี่ชินไปถึงสำนักงานทำการก็รู้สึกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่า ยังคิดว่านี่ขนาดยังอยู่ชายป่า ถ้าลึกเข้าไปจะสวยงามขนาดไหน
วันนั้นพี่ชินพาน้องในสำนักงานไปด้วยคนหนื่งชื่อไก่ ปกติเวลาออกงานพี่ชินจะไปคนเดียวแต่ไก่อาสามาเองเพราะได้เที่ยวฟรี อ้างกับหัวหน้าว่าจะมาช่วยแบกของให้พี่ชินเนื่องจากต้องเดินเข้าป่าลึกพอสมควรเพื่อจะได้ภาพสวยๆเอาไปลงนิตยสาร พี่ชินเลยต้องค้างในป่าสองคืน ทางเจ้าหน้าที่เลยให้พรานป่าชื่อ”ซอลือ”ซึ่งเป็นชาวบ้านท้องถิ่นเป็นผู้นำทางและจัดการเรื่องการกิน สรุปการเดินทางครั้งนี้ไปด้วยกัน 5 คนมี พี่ชิน ไก่ พรานและหลานของพรานสองคน
หลังจากพักผ่อนกันหนึ่งคืนที่สำนักงานตอนเช้าประมาณตี 4 ทุกคนก็พร้อมเดินเข้าป่า พอพ้นจากสำนักงานไปไม่กี่นาทีทุกอย่างรอบตัวก็มืดสนิทมีเพียงไฟฉายคาดหัวประจำตัวของแต่ละคนที่ส่องทางข้างหน้า โดยที่พรานซอลือเดินนำหน้ามีพี่ชินและไก่ตามหลังและปิดท้ายด้วยหลานของพรานสองคน
“นายครับ นายรู้กฎของป่าดีใช่มั้ย ว่าไม่ควรทำอะไรบ้าง นายต้องเคร่งครัดนะครับเพราะป่าที่นี่ยังไม่เคยมีใครเข้ามา ยังมีอะไรเยอะในนี้ แล้วต้องระวังรอบตัวตลอดเวลา”พรานซอลือ พูดกับพี่ชินขณะที่เดินอยู่หัวแถว
“ครับ ผมรู้ครับ เพราะผมเข้าป่าถ่ายรูปบ่อยมาก แต่ถ้ามีอะไรที่ผมทำผิดโดยที่ไม่รู้พรานก็บอกผมได้นะครับ ไก่จะทำอะไรถามพี่หรือพรานก่อนนะ เพิ่งเข้าป่าครั้งแรกนี่”พี่ชินหันไปบอกไก่ มันก็พยักหน้าตอบรับ เดินกันจนพระอาทิตย์ขึ้นพรานซอลือก็ให้พักเหนื่อยพร้อมกับกินข้าวเช้ากัน
“พี่ชิน ผมไปฉี่แป๊บนะ”ไก่บอกก่อนพร้อมกับเดินตรงเข้าหาต้นไม้ต้นใหญ่ประมาณสามคนโอบ
“เฮ้ย ไอ้หนุ่ม อย่าไปฉี่ตรงนั้น ไปทางพุ่มไม้โน่น ต้นไม้ใหญ่มีเทวดาอาศัยอยู่”พรานตะโกนบอกไก่ซึ่งมันก็ทำตามที่พรานบอก
“เทวดาอะไรพราน ผมไม่เห็นมีประตูเข้าออกบ้านเลยไม่รู้ว่ามีใครอยู่ ทีหลังค่อยเคาะต้นไม้ถามละกันว่ามีใครอยู่มั้ย ฮ่าๆๆๆ”ไก่พูดติดตลกหลังจากเสร็จธุระแล้วเดินกลับมา
“ไก่ เข้าป่าระวังปากหน่อยนะ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดเล่นพูดลบหลู่ ถ้าเป็นอย่างนี้วันหน้าพี่จะไม่พามาด้วย”พี่ชินปรามไก่เพราะเห็นพรานซอลือคิ้วขมวดไม่พอใจหลังจากที่ไก่พูด ไก่เลยเงียบแล้วไปนั่งกินข้าวต่อ
หลังจากกินข้าวเสร็จก็เดินทางกันต่อ ตลอดวันพี่ชินก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนใกล้จะเย็นพรานก็บอกว่าจะทำห้างเพื่อนอนกันคืนนี้ แล้วก็ได้ต้นไม้ริมลำธาร หลานของพรานไปตัดไม้ปีนขึ้นไปทำห้างโดยที่ห้างแรกเป็นผมกับไก่ ห้างที่สองเป็นของพราน ห้างที่สามเป็นของหลานพราน
ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้า พี่ชินเดินถ่ายรูปไม่ไกลจากห้างโดยมีไก่เดินตามอยู่ใกล้ๆ
“วู้……วู้…….”เสียงเหมือนคนกู่ร้องดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบของป่า พี่ชินรีบหันไปหาไก่หมายจะห้ามมันไม่ให้ทัก แต่…
“วู้…วู้…ว่าไง ใครน่ะ อยู่นี่ๆ อ้าว พอตอบแล้วก็เงียบ ใครวะพี่ชิน” ไก่ขานรับไปเรียบร้อยจนพี่ชินต้องโผเข้ามาเอามือปิดปากไก่
“ผมว่าไอ้เด็กนี่ไม่รอดแน่ๆถ้ามันยังปากเปราะอย่างนี้นะนาย เรากลับไปส่งมันแล้วค่อยเข้ามากันใหม่มั้ย”พรานคุยกับพี่ชินเบาๆตอนที่เดินกลับมาที่ห้าง พี่ชินก็พยักหน้าเบาๆเห็นด้วยกับพราน
“ไก่ คืนนี้ไม่ว่าจะมีอะไร อย่าทักอย่าลงจากห้าง ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด”พี่ชินบอกไก่หลังจากที่ขึ้นห้างกันเรียบร้อยแล้ว
พี่ชินหลับไปด้วยความเหนื่อยมาสะดุ้งตื่นอีกทีเพราะมีเสียง”โฮกกกกกก”ดังขึ้นลั่นป่า เสียงนั้นทุกคนรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงเสือ มองไปที่ไก่ยังหลับสนิท พี่ชินลุกขึ้นนั่งเพราะมีเสียงย่ำใบไม้อยู่ข้างล่าง พอชะโงกหัวไปดูก็เห็นเสือตัวใหญ่มากน่าจะใหญ่กว่าควายอีก เดินไปมาท่ามกลางแสงจันทร์เดือนหงาย
พี่ชินพยายามนอนต่อแต่เจออย่างนี้ใครจะหลับลงทำได้แค่นอนหลับตาฟังเสียงเสือคำรามอยู่ข้างล่าง แต่นอนไปได้สักพักก็ต้องตกใจกับเสียงของพราน”ไอ้หนุ่ม อย่าลงไป นายๆๆห้ามมันเร็ว มันจะลงห้าง” พี่ชินลุกพรวดมองไปก็เห็นไก่กำลังจะปีนลงไปข้างล่าง
“แม่ มาได้ยังไง เดี๋ยวผมลงไปหา แม่รอแป๊บนึงนะ พ่อเป็นอะไร”ไก่พูดกับใครบางคนข้างล่าง พี่ชินรีบเข้าไปดึงตัวไก่ขึ้นมา แล้วมองลงไปก็เห็นแม่ของไก่ยืนอยู่พร้อมกับกวักมือเรียกไก่ พระเจ้าช่วย!พี่ชินแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“พี่ชิน ปล่อยผม ผมจะลงไปหาแม่ แม่อยู่ข้างล่าง”ไก่ดิ้นสุดแรงแทบจะหลุดจากที่พี่ชินล็อคคอเอาไว้
“นั่นไม่ใช่แม่มึง คิดดูดีๆว่าป่าลึกขนาดนี้แม่มึงจะเข้ามาได้ยังไงคนเดียว นั่นน่ะผี”พี่ชินพูดกับไก่เผื่อจะมีสติกลับมา แต่ก็ไม่เป็นผล ไก่ยังดิ้นไม่หยุด
“แม่ ผมลงไปไม่ได้ แม่ขึ้นมาหาผมหน่อย ขึ้นมาเลย”สิ้นเสียงไก่พูดจบก็มีเสียงร้องของเสือดังก้องป่าแล้วต้นไม้ก็สั่นอย่างแรง พี่ชินชะโงกไปดูอีกทีก็ต้องตกใจแทบจะหัวใจหยุดเต้น
สิ่งที่เห็นเป็นเสือตัวใหญ่ดวงตาแดงฉานยังกับถ่านติดไฟกำลังปีนต้นไม้ขึ้นมาหาพี่ชินกับไก่ พี่ชินพยายามจะดึงไก่ที่ยังอยู่ขอบห้างเข้ามาด้านใน ขาของไก่ก็ยังห้อยลงจากห้างอยู่ข้างหนึ่ง
“โอ๊ย!!!”ไก่ร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดแล้วรีบชักขาขึ้นมา พี่ชินเห็นเลือดสดๆทะลักออกมาจากขาของไก่
“ยิงเลย ยิง!”เสียงพรานตะโกนจบเสียงปืนก็ดังลั่นป่า”โฮก….”ตามมาด้วยเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดของเสือตัวนั้น
“นาย เป็นยังไงบ้าง มีใครบาดเจ็บหรือเปล่า”พรานตะโกนถามพี่ชิน
“ไก่โดนเสือตะปบครับ แต่ไม่น่าจะเป็นอะไรมา ผมห้ามเลือดอยู่”พี่ชินตอบกลับพรานไปพร้อมกับเอาผ้ามากดห้ามเลือด
“คืนนี้มันคงไม่กลับมาแล้วล่ะนาย ผมกับหลานยิงมันด้วยกระสุนลงอาคมจากพระอาจารย์ ถ้าห้ามเลือดเสร็จก็รีบพักผ่อนล่ะนาย พรุ่งนี้เราจะกลับแต่เช้า”พรานบอกพี่ชินทำให้พอจะอุ่นใจขึ้นหน่อย
หลังจากพี่ชินทำแผลให้ไก่แล้วก็เอนหลังนอนพักแต่ก็นอนไม่หลับหรอกได้แต่หลับตานอนพลิกซ้ายพลิกขวา
“ฮือออออ ฮือออออ”เสียงไก่ร้องครางออกมา พี่ชินเลยพลิกตัวไปดูด้วยความเป็นห่วง แต่สิ่งที่พี่ชินเห็นทำให้พี่ชินตะลึงค้างอยู่อย่างนั้นขนลุกซู่ไปทั้งตัว
ภาพตรงหน้า คือ หัว3หัวโผล่มาจากขอบของห้างที่สูงเกือบ10เมตร มันอยู่ใกล้มากจนเห็นจากแสงพระจันทร์ที่ส่องว่าหน้าของเจ้าของหัวนั้นมันแห้งเหมือนศพตายซากตาลึกโบ๋เข้าไปในเบ้า
แต่ที่น่าสยองคือหัวทั้ง3นั้นแลบลิ้นออกมาเลียแผลของไก่อย่างตะกละตะกลาม พี่ชินนอนนิ่งไม่กล้าขยับตัวแต่ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ไก่อาจจะไม่ปลอดภัย
“ไป ออกไป อย่ามายุ่งกับน้องกู ไอ้ผีห่า ตอนเช้าจะหาอาหารเครื่องเซ่นมาให้ แต่ถ้าไม่ไปกูแช่งไม่ให้ไปผุดไปเกิดแน่” พี่ชินตะโกนออกไปสุดเสียงแล้วก็ได้ยินพรานท่องคาถาอะไรบางอย่าง แล้วยิงปืนดังเปรี้ยงลั่นป่าอีกครั้ง หัวทั้งสามจึงผลุบลงไปพร้อมกับเสียงกระโดดหนีไป ตอนนี้พี่ชินหลับไม่ลงแล้วได้แต่นั่งเฝ้าไก่รอพระอาทิตย์ขึ้น
พอรุ่งเช้าพรานซอลือกับหลานก็มาช่วยกันแบกไก่ลงมา แต่ที่ทำให้พี่ชินแปลกใจหนักกว่าเดิมคือแผลของไก่ที่โดนเสือตะปบเมื่อคืนกลับมีหนอนตัวเล็กๆขึ้นยั้วเยี้ย รอบแผลก็เริ่มจะคล้ำๆ พรานรีบเดินเข้าไปหาสมุนไพรในป่ามาใส่แผล ส่วนหลานของพรานก็ไปต้มน้ำเพื่อจะเอามาล้างหนอนออกให้หมด
พี่ชินถามไก่ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ”เมื่อคืนนอนๆอยู่ได้ยินเสียงแม่เรียก บอกว่าพ่อป่วยหนักให้รีบกลับบ้าน พอผมมองลงไปก็เห็นแม่อยู่ข้างล่างหลังจากนั้นผมก็ไม่รู้ตัวอีกเลย” ไก่เล่าให้พวกพี่ชินกับพรานฟัง
“เมื่อคืนน่าจะเป็นเสือสมิงครับนาย แต่คงยังไม่แกร่งกล้าพอไม่งั้นเมื่อคืนนายทั้งสองคนคงเสร็จมันไปแล้วโดยที่ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้ ส่วนไอ้สามตัวนั้นน่ะเป็นผีกองกอยป่าชอบดูดเลือดคนที่เข้าป่าแล้วเกิดแผลเลือดไหล แผลไอ้หนุ่มนี่เลยเน่าเร็วกว่าปกติ”พรานบอกตอนที่ทำแผลให้ไก่ หลังจากนั้นหลานของพรานทำแคร่แล้วหามไก่ออกจากป่า โดยพี่ชินไม่ลืมที่จะหาใบไม้มาใส่อาหารตามที่บอกกับผีสามตัวเมื่อคืนนี้
เมื่อออกจากป่าพี่ชินกับพรานก็ไม่ได้เล่าอะไรให้เจ้าหน้าที่ฟัง บอกเพียงไก่ถูกเสือตะปบ ส่วนไก่ถูกพาส่งโรงพยาบาลทันทีแต่ก็โชคร้ายหมอต้องตัดขาทิ้งเพราะมันเน่าจนเกินจะรักษา
จากเหตุการณ์วันนั้นพี่ชินไม่เคยพาใครเข้าป่ากับแกอีกเลย มีเพียงพรานและลูกหาบที่แกให้ไปนำทางเท่านั้น
Cr. แอดมินโจ๊ย #GhostHub
More Stories
10 ตำนานผีไทยชวนขนหัวลุก
9 ตำนาน โรงเรียนผี สุดหลอนของไทย มีโรงเรียนใครบ้าง
7 อันดับ บ้านร้างในตำนาน ในประเทศไทย